
มัทฉะ กับ ชาเขียว นั้นต่างกันหลักๆตรงที่ต้นกำเนิด ชาเขียวเดิมทีมีต้นกำเนิดเกิดขึ้นที่ประเทศจีน และต่อมาได้กลายเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมและนำมาดัดแปลงผสมกับสูตรขนมเบเกอรี่ประเภทต่าง ๆ จำนวนมาก แม้แต่ในเครื่องสำอางก็ยังมีให้เห็น แต่ประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้ที่ไปเพิ่มเติมเสน่ห์ใน Detail ต่าง ๆ มากขึ้นจนกลายเป็นมัทฉะ ทำให้ใครหลายคนเข้าใจผิดจนคิดว่าญี่ปุ่นคือต้นกำเนิดของชาเขียวด้วยนั่นเอง
ต้นกำเนิดของชาเขียว
หากจะเอ่ยถึง ชาเขียว เชื่อว่าหลายคนต้องคิดว่าต้นกำเนิดอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นแน่ ๆ แต่ในความเป็นจริงประเทศญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลมาจากประเทศจีน ชาเขียวถูกค้นพบขึ้นครั้งแรกโดยจักรพรรดิเสินหนง ( Emperor Shennong ) ซึ่งเป็นบัณฑิตที่รักความสะอาดอย่างมากรวมถึงยังเป็น Herbalist ที่ชื่นชอบธรรมชาติ มีอุปนิสัยชอบดื่มน้ำต้มสุกเท่านั้น ในวันหนึ่งที่เขากำลังนอนพักผ่อนระหว่างรอต้มน้ำเดือด ปรากฎว่ามีลมพัดเอาใบชาร่วงลงหม้อต้มน้ำของเขาพอดี หลังจากนั้นเขาได้ลองดื่มน้ำนั้น พบว่าร่างกายของเขานั้นรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น ต่อมาความนิยมการดื่มน้ำชาได้รับความสนใจและพัฒนาขึ้นมาหลายรูปแบบ แต่มีปัญหาสูญเสียกลิ่นได้ง่าย รสชาติไม่ดี ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 17 มีการค้าขายกับยุโรป และได้เรียนรู้วิธีรักษาคุณภาพของใบชาให้คงกลิ่นหอมและรสชาติ ซึ่งวิธีที่ชาวจีนเลือกใช้คือวิธีการหมักแล้วอบซึ่งเป็นกระบวนการผลิตชาเขียวที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ต่อมาเมื่อประเทศญี่ปุ่นได้เริ่มติดต่อกับประเทศจีน ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางวัฒนะธรรมจนนำไปสู่การกำเนิดของชาเขียวมัทฉะนั่นเอง
ต้นกำเนิดของ มัทฉะ
เมื่อญี่ปุ่นเริ่มสารสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมกับประเทศจีน ก็ทำให้เกิดการส่งนักบวชญี่ปุ่นไปศึกษาศาสนาที่ประเทศจีน ต่อมาเมื่อนักบวชที่มีชื่อว่าเมียวอัน เอไซ กลับมายังแผ่นดินบ้านเกิด เขาก็ไม่ได้นำกลับมาเพียงแต่ความรู้ทางศาสนาเท่านั้น แต่ยังได้นำความรู้ด้านวัฒนธรรมบางส่วนของทางจีนกลับมาด้วย เช่นเมล็ดชาและวิธีเตรียมชาแบบผงซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมทางศาสนาของจีน เอไซได้นำความรู้และเมล็ดชาเหล่านั้นมาปลูกเพื่อนำไปประยุกต์ใช้และเผยแพร่ในท้องถิ่นของเขาซึ่งก็คือจังหวัดเกียวโต โดยชื่อของมัทฉะนั้นมาจากคำว่า มัทซึ (抹) ที่แปลว่าการขัด/ถู และ ฉะ (茶) ที่แปลว่าชา รวมกันเป็นมัทฉะ (抹茶) หรือชาที่มาจากการขัดหรือถูซึ่งสะท้อนถึงวิธีชงมัทฉะที่จะต้องนำตัวผงชามาขัดชงร่วมกับน้ำร้อนนั่นเอง ด้วยความที่วิธีชงชาแบบจีนนั้นเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ในสังคมญี่ปุ่นสมัยนั้น ทำให้ผงชาเขียวเริ่มค่อยๆเป็นที่นิยมมากขึ้นในหมู่ชนชั้นสูง ต่อมาเมื่อคนทั่วไปสามารถเข้าถึงตัวผงชาได้ ความนิยมและชื่อเสียงของผงชาเขียวมัทฉะนี้ก็เลยเพิ่มขึ้นมาด้วย

แล้ว มัทฉะ และ ชาเขียว แตกต่างกันตรงไหน ?
นอกจากเรื่องต้นกำเนิดแล้ว ความแตกต่างสำคัญของมัทฉะและชาเขียวนั้นก็คือส่วนใหญ่ตัวชาเขียวจะมาในลักษณะของใบชาแห้ง ขณะที่ชาเขียวมัทฉะจะเป็นผงละเอียด ทั้งนี้เกิดขึ้นจากความแตกต่างในการผลิตชาทั้งสองรูปแบบ และรูปแบบการชงเพื่อดื่มก็แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยชาเขียวส่วนใหญ่จะสามารถนำไปต้มใส่กับน้ำได้เลย แต่ชาเขียวมัทฉะจะต้องค่อยๆ ตวงผงไปผสมกับน้ำร้อน จากนั้นต้องคนให้เข้ากันดีเสียก่อนจึงจะนำไปดื่มได้
ประเภทของชาเขียว มัทฉะ
ประเภทของชาเขียวมัทฉะสามารถแบ่งออกตามประเภทของการเก็บเกี่ยวได้ ดังนี้
- Ceremonial Grades จัดอยู่ในประเภทแรก ซึ่งเป็นชาเขียวที่ได้จากการเก็บเกี่ยวเป็นครั้งแรก จัดว่าเป็นชาเขียวที่มีคุณภาพสูงสุด เรียกว่า Ichibancha ให้รสชาติที่มีความนุ่มนวล มีสีเขียวเข้ม ( Dark Green ) วิธีชงเหมาะกับการชงด้วยวิธีดั้งเดิมและราคาจำหน่ายสูง
- Culinary Grades ชาเขียวที่ได้จากการเก็บเกี่ยวเป็นครั้งที่ 2 ชาเขียวประเภทนี้จะได้ใบสีเขียวสด บางครั้งอาจได้สีเขียวหม่นบ้าง ชาเขียวประเภทนี้เรียกว่า Nibancha ให้รสชาติฝาดจึงเหมาะนำมา Adapt ทำเครื่องดื่มหรือประกอบทำอาหาร
- Ingredient Grades ชาเขียวที่ได้จากการเก็บเกี่ยวเป็นครั้งที่ 3 ชาเขียวประเภทนี้จะได้ใบสีเหลืองยิ่งขึ้น ให้รสชาติขมที่โดดเด่นชัดเจน จึงเหมาะนำมาเป็นส่วนผสมในการผลิตพวก Food Supplement หรือผลิตอาหาร
ประโยชน์ของมัทฉะ และ ชาเขียว
ความนิยมการนำชาเขียวมัทฉะมาใช้ประโยชน์เป็นที่ต้องการ และพบเห็นในผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องสำอาง ด้วยคุณสมบัติพิเศษและประโยชน์ที่ได้รับมี ดังนี้
- การเลือกใช้ Matcha นำมาใช้เป็นส่วนผสมเครื่องดื่มต่าง ๆ และอาหาร Bakery คุณสมบัติพิเศษที่เลือกทำได้ทั้งแบบร้อนแบบเย็นยังคงคุณค่าสารอาหารเอาไว้ได้ดี แถมรสชาติก็ดีด้วย
- ตัวช่วยลดน้ำหนัก คุณสมบัติพิเศษที่ทำให้สาว ๆ หนุ่ม ๆ ท่านใดต้องการคุมหรือลดน้ำหนัก ถือว่าเป็นตัวช่วยอย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยคมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้ผิดปกติและป้องกันโรคเบาหวาน ( Diabetes ) ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
- ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ( Heart disease ) และหลอดเลือด คุณสมบัติชาเขียวที่ลดระดับคอเลสเตอรอลไม่ดีในเลือด เพิ่มระดับคอเลสเตอรอลที่ดีให้กับร่างกาย ลดความเสี่ยงในการเกิดไขมันอุดตันและทำให้ระบบเลือดไหลเวียนได้ดีไม่เกิดการเหน็บชาได้อีกต่างหาก
- ลดความเสี่ยงในการยับยั้งการอักเสบ ที่เกิดจากเซลล์มะเร็ง ( Cancer Cells ) เมื่อเซลล์แข็งแรงไม่เกิดการอักเสบจึงไม่เสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งอย่างแน่นอน
- ดื่มแล้วช่วยเพิ่มความตื่นตัวและเพิ่มการทำงานของสมองให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น หากผู้สูงอายุบริโภค 2 กรัม ติดต่อกัน 60 วัน มีส่วนช่วยสมองฟื้นฟูการทำงานได้ดี เพราะชาเขียวมีส่วนประกอบ L-Theanine นั่นเอง
- ช่วยเรื่องการ Detox สิ่งตกค้างในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นสารเคมีหรือโลหะหนัก อีกหนึ่งประโยชน์หากเลือกดื่มมัทฉะเป็นเวลาติดต่อกัน
- ช่วยทำให้ร่างกายผ่อนคลายและสร้างความสุข มัทฉะสามารถสร้างโดปามีนและเซโรโทนิน ส่งผลให้ร่างกายของคุณมีความสุข เพิ่มความจำดีขึ้น ช่วยกระตุ้นอารมณ์ให้รู้สึกตื่นตัวและมีสมาธิเพิ่ม
มัทฉะ และความเชื่อแบบผิด ๆ ของหลาย ๆ คน
เชื่อว่าหลายคนยังมีความเข้าใจแบบผิด ๆ เกี่ยวกับชาเขียวมัทฉะกันอยู่บ้าง เราเลยต้องขอช่วยแก้ไขความคิดเหล่านั้นเช่น
- การชงชาจำเป็นต้องมีพิธีการและขั้นตอนอย่างชัดเจน เชื่อว่าใครหลายคนคงเคยเห็นวัฒนธรรมการชงชาของประเทศญี่ปุ่น ในความเป็นจริงการชงชาเขียว ไม่มีขั้นตอนที่ซับซ้อนแต่อย่างใด
- มัทฉะมีรสขมเสมอ ในความเชื่อที่หลายคนเข้าใจผิด ๆ หากเป็นชาเกรดต่ำส่วนใหญ่จะให้รสชาติขม ถ้าเป็นชาที่ปลูกและได้รับการดูแลอย่างดีจะให้รสชาติที่ดี
- มัทฉะเป็นผงชาเขียวที่มีหลายรูปแบบของการ Process ถ้าต้องการให้เป็นผงชาจำเป็นต้องผ่านกระบวนการผลิตอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ได้ผงที่ละเอียดอย่างมีคุณภาพ
- การชงชาจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ชงชาโดยเฉพาะ ถือว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดอย่างมาก มัทฉะถูกค้นพบมานานและการชงดื่มง่าย ๆ ไม่ต้องดัดแปลงขั้นตอนให้มีพิธีกรรมซับซ้อนเหมือนในปัจจุบัน
นับได้ว่าชาเขียวมัทฉะเป็นตัวท็อปแห่งวงการชาเลย ด้วยจุดเด่นและความหอมที่ให้รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้ถ้าได้ดื่มชาต่อเนื่องทุกวันก็มีประโยชน์อีกมากมาย และยังสามารถนำมาต่อยอดเพิ่มเมนูอาหาร ขนมหวาน เบเกอรี่ รวมถึงอาหารเสริมหรือเครื่องสำอางได้อีก ใครที่เป็นสาวกมัทฉะนั้นถือได้เลยว่าตาถึงมากๆ
ถ้าอยากจะเริ่มดื่มบ้างจะหาซื้อมัทฉะได้จากไหน?
หากคุณต้องการจะสั่งซื้อชาเขียวมัทฉะราคาถูก ต้องลองใช้ผงชาเขียวมัทฉะของ Omix ดูเลย! เพราะทางเราได้เลือกสรรชาเขียวที่ปลูกขึ้นมาอย่างทะนุถนอม ทำให้ได้ความสดใหม่ ราคาถูกและมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ใน 1 กล่องมี 24 ซอง และใน 1 ซองนั้นสามารถชงกับน้ำได้มากถึง 5 ลิตร เหมาะสำหรับคนที่ต้องการชงชาเป็นจำนวนมากเช่นร้านอาหาร หรือคนที่อยากจะมีชาเขียวมัทฉะที่ชงง่ายติดบ้านเอาไว้ในราคาเพียงกล่องละ 1,660 บาทเท่านั้น หากสนใจสามารถติดต่อเราทาง Line: @omixjuice และเพจ Facebook: https://www.facebook.com/omixjuice ได้เลย